วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ


กฏแห่งกรรม
1. 
เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย 
         
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์ 

2. 
เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ 
         
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน 

3. 
เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่ 
         
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน 

4. 
เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนให­ญ่โต 
         
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน 

5. 
เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริ­รุ่งเรืองและมีความสุขมาก 
         
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน 

6. 
เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม 
         
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน 

7. 
เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี 
         
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน 

8. 
เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย 
         
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน 

9. 
เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า 
         
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้­ญาติในชาติก่อน 

10. 
เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า   
         
เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน 

11. 
เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง 
         
เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน 

12. 
เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น 
         
เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย 

13. 
เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้ 
         
เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน 

14. 
เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส 
         
เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ 

15. 
เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปั­­ญญาอ่อนและหูหนวก 
         
เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่ 

16. 
เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ 
         
เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ 

17. 
เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย 
         
เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์ 

18. 
ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา 
         
ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด 

19. 
ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม 
         
คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า 

มนุุษย์ไร้ซึ่งความละอายใจ จะเหลือสิ่งใดกันเล่า


มีชายคนหนึ่งอยู่สุไหงโกลก..ชื่ออาฮัง..
อาฮังหรือ..เจ๊กฮัง..ค้าขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท....
ไม่เป็นอันทำมาหากินเลย..พอขาดทุนสี่แสนก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย.....
หมดแรง..หมดอาลัยตายอยาก....
พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว
จนญาติๆระอา...ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหามมาส่งที่วัดสวนโมกข์...
อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ ปีพอดี ปรากฏว่า..มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง...
นั่งเป็นทุกข์ในท่าเจ๊กหมดทุนท่าเดิม...
นั่งบ่น..อั๊วเจ๊งหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว........
อาจารย์พุทธทาสก็เลยเข้าไปถามว่า....
ฮัง...ลื้อขาดทุนแน่หรือ....
แน่ซิครับ...สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง..ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย....
คิดให้ดี...ขาดทุนจริงๆนะเหรอ....
จริงซิครับ...อย่ามาถามยั่วโทสะผมนะ......
อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า...โยมอาฮัง...
ที่ลื้อบ่นขาดทุน..ขาดทุนนี่..ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร.......
วันที่ลื้อเกิดมานะ
อาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง..เอ๊ะ..ใครมันจะไปดึงทุนออกมาจากท้องแม่ได้ในวันเกิดนะ
พระนี่ถามอะไรแปลกๆ...
อาฮังตอบว่า ..ไม่มี..
อาจารย์พุทธทาสท่านก็ถามต่อ...เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม...
หม้อหุงข้าวมี..
เสื้อผัามีใส่ไหม... 
มี...
บ้านมีอยู่ไหม......
มี...
ถามอะไรต่อมิอะไร..มันก็ตอบว่า..มีๆๆ...
อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า .. อาฮัง...ลื้อไม่ได้ขาดทุนหรอก
เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้น.

10 อันดับของสังฆทานที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด



        อันเนื่องมาจากมีการสำรวจของในถังสังฆทานสำเร็จรูป (ถังเหลือง) ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไปพบว่า กว่า 50 % เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ
ใช้งานจริงไม่ได้ เช่น  ผ้าจีวรสั้นและบางจนแทบจะเป็นผ้าซีทรู  ใบชาเหม็นผงซักฟอกที่วางมาข้างๆ (กลายเป็นใบชารสโอโม่) กระดาษชำระ
หยาบและมีกลิ่นเหม็น แปรงสีฟันแข็งจน พระค่อนประเทศเป็นโรคเหงือกอักเสบสบู่ แชมพู ที่ถวายมีกลิ่นหอมแรงและผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ทำให้พระผิดศีลต้องปลงอาบัติกันทุกวัน(มีศีลข้อห้ามการประทินผิวและใช้เครื่องหอม )
 **
ควรเป็นสบู่เด็ก หรือ สบู่ธรรมชาติ ที่ไม่ใส่น้ำหอม  เครื่องชงดื่มมักหมดอายุ ถ่านไฟฉายหมดอายุ แบตเยิ้ม ฯลฯ หรือแม้แต่ตัวภาชนะที่ใส่
คือ ถัง ก็ยังทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำ ใช้ได้ไม่นานก็ฉีก แตก พัง  ซึ่งเป็นส่วนนึงของปัญหาขยะ+โลกร้อนด้วย

         **
ภาชนะบรรจุเป็นอะไรก็ได้ ที่สามารถใช้ประโยชน์ต่อได้ ไม่กลายเป็นของรกวัด เพราะมีเหลือเยอะเกินพอใช้ เช่น ที่คว่ำจานแบบมีฝาปิดกาละมัง หม้อแกง ฯลฯ ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเหลือง ท่านเจ้าอาวาสวัดชลประทานองค์ปัจจุบัน ท่านบอกว่า โยมใส่ถุงธรรมดามาถวายก็ได้ 
รายการจุดเปลี่ยนจึงได้ไปสอบถามพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง
 แล้วจัดอันดับสิ่งของสังฆทานตามความจำเป็นในการใช้งานรวม  10อันดับซึ่งเรียงจากจำเป็นมากสุดไปน้อยที่สุดได้ ดังนี้
 1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ  เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรมและจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำ บางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้ พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ หากเราถวายไปพระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอน เลือกใส่เครื่องเขียนในกระเป๋าแฟ้มกล่อง/ถาดใส่เอกสาร สีสุภาพไม่ฉูดฉาด ไม่มีลาย หรือลวดลายเรียบๆ เลือกสีโทนเดียวกันจะดูเรียบร้อยมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสีเหลือง
2. ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อยินเลสเนื่องจากพระ
ต้องโกนผมทุกวันโกน แต่ใบมีดยี่ห้ออื่นพระใช้โกนผมแล้วบาดถึงเลือดออกท่านจึงใช้ได้แค่ 2  ยี่ห้อนี้เท่านั้น อนึ่งใบมีดตราขนนกจะคมกว่า
ยินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรก ส่วนยินเลสจะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง หากท่านใดถวายใบมีดก็ได้ชื่อว่า ช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีก
 
3.  ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จะนุ่งห่มได้ มีความหนาพอเหมาะสม เพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง ันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่ ขาดความมั่นใจ และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์ ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวรจึงได้อานิสงส์มากนัก นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว
เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระ(ท่านเจ้าอาวาสวัดชลประทานแนะนำว่า ให้คุณโยมลองคลี่ผ้ามาห่มตัวโยมก่อน ถ้าห่มได้รอบ มิดชิดดี พระก็ใช้ได้เช่นกัน)
 
4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆ เนื่องจากพระสงฆ์มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉานทั้งทางธรรม และรู้ทันข่าวสารบ้านเมืองเพื่อจะได้สาธกยกตัวอย่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้ง การถวายหนังสือเหล่านี้จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน ให้พระท่านได้นำไปต่อยอดกระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แถมได้ผลตอบแทนสูง น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
ตามร้านหนังสือทั่วไปจะมีหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆพิมพ์เป็นธรรมทาน ราคา 10-20 บาท ของสมเด็จพระสังฆราช ท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา ฯลฯ 
  
5. รองเท้า  (ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์) พระท่านต้องเดินบิณฑบาตรธุดงค์,
ไปเรียนหนังสือไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆบางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ 'รองเท้า'ที่มักจะขาดเสียหาย อยู่บ่อยๆ นั่นเอง รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง
 6. ยาหลักๆ ที่จำเป็น ยาสามัญประจำบ้าน  ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ แก้ไข้ ลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาใส่แผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนอง ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง 

 
7. ผ้าขนหนูสีสุภาพไม่ต้องสีเหลืองก็ได้  เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก และคุณภาพต่ำจนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง

 
8. ชุดคอมพิวเตอร์   แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน ผ้าป่า ก็น่าพิจารณาถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน ..ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงจะดีกว่าเพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มรูปแบบ

 
9. น้ำยาเช็ดพื้น   พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้เอาไปผสมน้ำถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ  เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด สลายคราบแล้ว บางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัดของหมาวัดได้อีกด้วย

 
10.. แชมพู   พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไม แถมยังติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วย แซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทิชชู่ ฯลฯ ที่เห็นมีอยู่ในถังเหลือง คือ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะ
ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป
เพราะไม่มีผมปกคลุมทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอเช่น ชันตุ เป็นต้น สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุล สังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า'Scalp' เป็นสำคัญ  ***ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวกแชมพูขจัดรังแค อย่างคลินิคแพนทีน, Head & Shoulder, ไนโซรัล เป็นต้น  แต่น่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัด ซึ่งทำให้ยิ่งคันหัวศีรษะแห้งไปกันใหญ่   ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้ว่าเราควรซื้อแชมพูไปถวายพระ  แต่ก็เลือกให้เป็นสูตรดูแลหนังศีรษะ 
 
แนะนำแชมพูมะกรูด แบบที่เนื้อมะกรูดข้นๆ ทำจากธรรมชาติล้วนๆ ไม่ใส่น้ำหอม เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดศีลเรื่องการใช้เครื่องหอม เดี๋ยวนี้มีหลายยี่ห้อให้เลือกมากขึ้น
 
นอกจากนี้ ที่หลายคนไม่ทราบ พระท่านต้องทำงานหนักเหงื่อออกเยอะ เช่น กวาดลานวัดทุกวัน การทำความสะอาด ซ่อมแซมวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระหนุ่ม ทำให้บางองค์ก็มีกลิ่นกายกันบ้าง เพราะฉะนั้น น้ำยาดับกลิ่นตัว ก็ถวายได้เช่นกัน แต่ควรเป็นน้ำยาดับกลิ่นตัว ที่ทำจาก สารส้ม หรือ สมุนไพร ไม่ควรถวายโรลออนทั่วไป เพราะใส่น้ำหอม จะทำให้ท่านผิดศีลต้องปลงอาบัติอีก
 
 การทำสังฆทาน นอกจากจะถวายเป็นสิ่งของแล้ว 
อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ
การบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุที่อาพาธ
แต่ควรเข้าไปถวายเตียงในๆด้วย พระอาพาธท่านจะได้รับทั่วถึงกั

วันนี้คุณเตรียมตัวตายหรือยัง


  วันนี้คุณเตรียมตัวตายหรือยัง โดยนพ.วิวัฒน์ วิริยกิจจา
    ผมไปงานศพของนายตำรวจยศพันตำรวจเอกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นสามีของญาติผม
เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขับรถเก๋งประสานงากับรถปิ๊กอัพ
ทำให้คนขับเสียชีวิตทั้งคู่
         ผมเชื่อว่านายตำรวจท่านนี้คงเป็นห่วงลูกเล็กๆ สองคนภรรยาสาวสวย
และการงานที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายพล
         ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับญาติสาว ภรรยาของผู้เสียชีวิต
จึงมอบความรู้เพื่อให้เธอก้าวข้ามห้วงแห่งความทุกข์ เพราะเป็นผู้หญิงคน
    เดียวแต่ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ สองคนในภาวะสังคมแบบนี้
ต้องยอมรับว่าลำบากมาก ผมให้แนวทางแก้ปัญหาว่า
 
    ๑.  เข้าใจกฎของธรรมชาติ ทุกคนต้องตาย
พรุ่งนี้เราอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติ
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็
    ดับไป ไม่เว้นกระทั่งปัญหาและความทุกข์ กาลเวลาจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
    ๒.  อยู่กับปัจจุบันขณะ ถามตัวเองว่า วันนี้ควรทำอะไร แล้วลงมือทำ
อย่านึกถึงพรุ่งนี้ เพราะจะยิ่งให้เราเป็นทุกข์
    ๓.  หากัลยาณมิตรมาช่วย คนเราควรมีเพื่อน
แต่สำหรับผู้หญิงต้องระวังเรื่องการคบหาโดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ
ซึ่งมีโอกาสสร้าง
    ปัญหาให้เราได้ง่าย
และอย่าลืมคนในครอบครัวที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเสมอ คือพ่อแม่
ญาติพี่น้อง
    ๔.  ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด ผมบอกญาติว่า "ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร
เดี๋ยวทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี จำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดีๆ
แค่หลับตา
    เผลอแผลบเดี๋ยวก็จะผ่านไปสิบปีแล้ว"
    ๕.  หาข้อดีจากข้อเสีย การที่เสียสามีไป ทำให้ได้ข้อคิดอะไรบ้าง
          ๕.๑ เตือนให้เรารู้ว่าความตายเป็นของแน่นอน
วันนี้เราเตรียมตัวตายหรือยัง
         ๕.๒ ความทุกข์จะบีบคั้นให้พัฒนาตนเอง เพื่อหาหนทางแก้ทุกข์
เมื่อแก้ทุกข์ให้ตัวเองได้แล้ว กรุณาช่วยผู้อื่นด้วย
         ๕.๓ ได้รู้รสชาติของชีวิต ถ้าไม่รู้จักความทุกข์
จะรู้จักความสุขได้อย่างไร
         ผมดูภาพยนตร์เรื่อง "กำเนิดสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี"
ตอนที่ท่านฝึกอสุภกรรมฐาน นั่งอยู่กับศพ ๔ ศพ ท่านท่องว่า
    "ตายแน่ๆ สักวันหนึ่งเราต้องตายแน่ๆ กลายเป็นผีเหมือนศพ ๔ ศพนี้"
    ๖.  เร่งสร้างกุศลกรรม อยู่ในศีลในธรรมให้มากขึ้น
แล้วชีวิตจะพบกับความสุขอย่างแน่นอน
    ๗.  หมั่นรักษาจิตใจของตนเองให้ดี
ต้องตรวจตราดูใจของตนเองว่าจิตตกหรือไม่ ถ้าจิตตก
ต้องรีบหาวิธีจัดการให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ
    โดยเร็ว
 
    ทีนี้เรามาดูเรื่องการเตรียมตัวตายกันดีกว่า
ซึ่งผมตั้งปณิธานไว้ว่าผมจะตายอย่างมีความสุข เราสามารถทำได้คือ
    ๑.  เตรียมร่างกาย
        ในอนาคตเราจะป่วยเป็นโรคอะไร สามารถทราบได้โดยอาศัยหลัก ๕ ประการ
คือ
          ๑.๑ พ่อแม่เป็นโรคอะไร เรามีสิทธิ์เป็นโรคนั้นสูงมาก
          ๑.๒ เช็คจากผลตรวจสุขภาพ เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด
          ๑.๓ ตรวจพิเศษ
เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจหาโรคจากพันธุกรรมได้
ผมเคยไปตรวจเลือดเพื่อหาพันธุกรรมของโรค
    สมองเสื่อมปรากฏว่าโชคดีที่ไม่พบ ซึ่งหากใครตรวจพบ
จะมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนอื่น ๒๖ เท่า นอกจากนี้
    ยังมีเทคโนโลยีต่างๆ อีกมากมาย
          ๑.๔ ตรวจจากธาตุเจ้าเรือนตามหลักแพทย์แผนไทย
          ๑.๕ วิเคราะห์พฤติกรรมต่างๆ เช่น ขับรถเร็ว เมาแล้วขับ
ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
              พอรู้ว่าเราอาจจะป่วยเป็นอะไร มาจากสาเหตุอะไร
ก็จัดการกับสาเหตุนั้นๆ เพื่อป้องกันปัญหา เพราะเราไม่จำเป็นต้อง
    เป็นโรคเบาหวานเหมือนพ่อแม่
    ๒.  เตรียมจิตใจ
    ต้องนึกว่าเราจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
    ผิดพลาดต้องรีบแก้ไข
           ผิด = ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
         พลาด = ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ
    ทำอะไรที่ไม่ควรทำไปแล้วก็รีบเลิกเสีย
อะไรที่ควรทำแล้วยังไม่ได้ทำรีบทำเสีย เช่น พาพ่อแม่ไปเที่ยว ไปทำบุญ
ไปกินอาหาร ไปหา
    เพื่อน เป็นการสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่
เพราะพ่อแม่คือพระอรหันต์ในบ้าน ทำบุญกับพระอรหันต์ได้บุญยิ่งใหญ่
    ๓.  เตรียมสังคม
        ต้องเตรียมจัดการทรัพย์สมบัติ หนี้สิน ภาระหน้าที่ให้คนรอบตัว
หากเราตายไปจะได้ไม่เป็นปัญหา ไมเคิล แจ๊คสัน เขาไม่คิดว่าจะ
    ต้องตาย เมื่อตายไป ทรัพย์สมบัติจึงกลายเป็น "อสรพิษ" ฆ่าลูก เมีย
และญาติพี่น้อง ดังนั้นเรามาทำ "อสรพิษ" ให้กลายเป็นต้นไม้
    เพื่อปกป้องและยังความสุขให้วงศ์ตระกูลต่อไปดีกว่า
    ๔.  เตรียมบอกหมอและญาติ ให้ทราบเจตนาว่า เมื่อเจ็บป่วยใกล้ตาย
ขอตายอย่างมีความสุข อย่ายื้อชีวิตให้เกิดความทรมาน ต้อง
    บอกเจตนานี้ให้คนอื่นๆ รอบข้างทราบไว้ด้วย
    ๕.  เตรียมความปรารถนา ยอดความปรารถนาของทุกคนคือ
มีชีวิตอย่างแข็งแรง เดินเหินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้จนอายุ ๑๐๕ ปี พอ
    ถึงเวลาอันสมควรก็ขอให้นอนหลับแล้วจากไปอย่างสงบ
    ๖.  เตรียมชีวิต
การมีชีวิตที่ยืนยาวไม่สำคัญเท่ากับการมีชีวิตเพื่อสร้างคุณค่าคุณประโยชน์ต่อสังคม
คุ้มค่ากับการเกิดมาชาติหนึ่ง
 
          มาเตรียมตัวตายกันดีกว่า "ตายแน่ๆ สักวันหนึ่งเราต้องตายแน่ๆ
กลายเป็นผีเหมือนศพ ๔ ศพนี้"

โยม ไม้อันที่อาตมาถืออยู่นี่นะ มันสั้นหรือว่ามันยาว?


คำสอนหลวงพ่อชา สุภัทโท

โยม ไม้อันที่อาตมาถืออยู่นี่นะ มันสั้นหรือว่ามันยาว?

โยม ไม้อันนี้ธรรมชาติแท้ ๆ ของมันมีแค่นี้ เท่านี้ มันไม่สั้น และก็ไม่ยาว

โยม ความต้องการที่จะให้ไม้นี้มันสั้นเข้า หรือยาวออก นั่นแหละ ทุกข์

ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเรายอมตามธรรมชาติที่มันเป็นอยู่ ยอมที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดที่นั่น สมมุติว่าวันนี้ โยมหาเงินได้ ๑๐๐ บาท ธรรมชาติของมันแค่ ๑๐๐ บาท จะอยากให้ได้มากกว่านั้นก็ไม่ได้ จะอยากให้ได้น้อยกว่านั้นก็ไม่ได้ หาได้ ๕๐ บาท ธรรมชาติของเขาก็แค่นั้น หาไม่ได้เลย ธรรมชาติของมันก็เท่ากับหาไม่ได้เลย ยอมตามธรรมชาติที่มันเป็นทุกอย่าง ทุกแห่ง ทุกข์ก็ไม่เกิด ธรรมะอย่างนี้ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติเมื่อไหร่ ที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดเมื่อนั้น ที่นั่น

โยม อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่าถ้าเราจะปลูกต้นไม้ อันดับแรก เราต้องเตรียมดินให้ดี ขุดหลุมกว้างเมตร ลึกเมตร คลุกดินด้วยปุ๋ยคอกดย่างดี แล้วจึงปลูกต้นไม้ลงไป เมื่อปลูกแล้ว เราต้องคอยดูแล โดยหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ดายหญ้า และล้อมรั้วกันอันตรายให้ หน้าที่ของเรามีเพียงแค่นี้ ทำให้ครบ ทำให้ดีที่สุด ส่วนผลที่ต้นไม้จะให้นั้น บางชนิด ๑ ปีให้ผล บางชนิด ๓ ปี ๕ ปี ๑๐ ปี นั่นเป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของต้นไม้เขาเอง

โยม อย่าลืมนะ หน้าที่ของเรานั้น ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา ถ้าเราดำเนินชีวิต โดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา ธรรมะอย่างนี้ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ ปฏิบัติเมื่อไรก็ได้

ชาติที่แล้วเราไปทำอะไรกับใครไว้หรือเปล่า

ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างหรือเปล่า? 
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า   ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้   ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ   ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร '
คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ   แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน   การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง 
(  
คาถาบทนี้เป็นคาถาที่ใช้สำหรับขอขมาพระรัตนตรัย   และใช้เพื่อถอนคำสาปแช่ง ในอดีตชาติที่ติดตามมา   เพราะเราไม่รู้ว่าเคยได้ล่วงเกินปรามาสใครไปบ้างก็ไม่รู้   ไม่เว้นแม้กระทั้งพระพุทธองค์ พระอรหันต์ พ่อ แม่ เป็นต้น   เพราะบางคนทำการใดๆ มักมีอุปสรรค หรือมักมีคนไม่ชอบหน้า  )

เรื่องเล่าหลวงปู่ดู่

  ๓๗เรื่องเล่าหลวงปู่ดู่กับธรรมะลึกซึ้งที่เข้าใจได้ง่ายและนำไปใช้ได้ทันที ๑. ใ ห้ รู้ จั ก บุ ญ การทำบุญทำกุศลนั้น โปรดอย่านึ...